(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
ก่อนออกเดินทางช่วงสงกรานต์นี้ อย่าลืมเช็กความพร้อมของรถ เพื่อความปลอดภัยด้วยนะ ควรเช็กอะไรบ้างตามมาดูกัน…
สงกรานต์ 2565 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ได้หยุดยาวหลายวันมาก ๆ ซึ่งหลายคนน่าจะวางแผนเดินทางกลับบ้าน หรือเตรียมแพ็กกระเป๋าไปท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ กันอยู่แน่ ๆ เพราะนาน ๆ ทีจะได้หยุดยาวแบบนี้ ก็ต้องเที่ยวแบบจัดเต็มกันสักหน่อย
แต่ก่อนออกเดินทางไกล อย่าลืมวางแผนเรื่องการขับขี่ด้วย เพราะรถคู่ใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเดินทางไกลแบบนี้ ถ้ามีอะไรผิดปกติแล้วไม่ได้แก้ไขก่อน อาจเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดระหว่างทางได้ มาดูกันดีกว่าว่า เราควรเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมให้รถอย่างไรบ้างก่อนออกเดินทาง
(เครดิตรูปภาพ: mach1services)
1. ตรวจเช็กแบตเตอรี่
การตรวจเช็กแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง จะแบ่งตามประเภท ดังนี้
- แบตเตอรี่ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น: ให้สังเกตเวลาสตาร์ทรถ และตรวจสอบการทำงานของแบตเตอรี่ผ่านตาแมว
- แบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น: ให้เช็กอายุของแบตเตอรี่ก่อนว่าเสื่อมหรือยัง หากอายุการใช้งานน้อยกว่า 1 ปี อาจจะยังไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ถ้าหลังจาก 12-24 เดือนแล้ว ควรตรวจเช็กความเสื่อมก่อนออกเดินทาง และควรสังเกตระดับน้ำกลั่นไม่ได้ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
2. ตรวจเช็กล้อ/ลมยาง
ล้อรถยนต์และลมยาง ก็เป็นส่วนสำคัญในการขับขี่ เพราะถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น สามารถส่งผลต่อการขับขี่โดยตรงได้ทันที ซึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุดก็คือ แรงดันลมยางและสภาพโดยรวมของล้อนั่นเอง
- แรงดันลมยางควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป
- สำหรับรถเก๋งทั่วไป ควรอยู่ในระดับ 30-32 PSI
- สำหรับรถกระบะ ควรอยู่ในระดับ 36-38 PSI
- สภาพของล้อ ควรดูว่าล้อมีรอยแตกมากน้อยแค่ไหน รวมถึงความลึกของดอกยาง หากความลึกของดอกยางต่ำกว่า 1.6 มม. ถือว่าเป็นยางที่หมดสภาพแล้ว ไม่ควรใช้งานต่อ เพราะประสิทธิภาพในการเกาะถนนไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
(เครดิตรูปภาพ: khaorodnissan)
3. ตรวจเช็กระบบโช้คอัพ/ช่วงล่าง
หากระบบช่วงล่างพัง การเดินทางไกลของเราก็พังไปด้วย เพราะถ้าเจอเส้นทางที่ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ จะทำให้รถทรงตัวได้ยาก ซึ่งจุดที่ควรตรวจสอบก่อนออกเดินทาง คือ
- มีจุดรั่วซึมบริเวณโช้กอัพหรือไม่
- การคืนตัวของโช้กอัพปกติไหม โดยให้ทดลองกดบริเวณท้ายรถหรือหน้ารถดู ถ้ามีการเด้งขึ้นลงหลายครั้งแปลว่ามีปัญหา
- รูปทรงของโช้กอัพ ควรเป็นทรงกระบอกแบบสมมาตรเท่านั้น
- หลังใช้งานรถ ให้ลองสัมผัสที่โช้กอัพดู ถ้าไม่ร้อนแปลว่าโช้กอัพทำงานไม่เต็มที่ หรือมีปัญหา
- เมื่อสตาร์ทรถหรือจอดรถ ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังมีเสียงดังกุกกักหรือเปล่า ขับรถบนถนนเรียบทางตรงแล้วพวงมาลัยมีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือเปล่า ถ้าใช่บูชปีกนกอาจจะมีปัญหา
- ขับทางตรง แต่รู้สึกว่าล้อไม่ตรงหรือควบคุมรถไม่ค่อยอยู่ ควรนำรถไปตรวจเช็กที่ศูนย์ ฯ
4. ตรวจเช็กระบบน้ำหล่อเย็น
หมั่นตรวจสอบให้ระดับน้ำมันหล่อเย็นไม่ต่ำกว่าระดับ Low ควรเติมให้อยู่ในระดับ Full เสมอ
5. ตรวจเช็กระบบเบรก
ระบบเบรก เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน หากเบรกทำงานได้ไม่เต็มที่ บอกเลยว่ามีปัญหาแน่! ควรตรวจสอบให้ดีว่ามีจุดรั่วซึมตรงไหนไหม ผ้าเบรกยังมีประสิทธิดีอยู่หรือเปล่า และเสียงเบรกปกติไหม หากมีปัญหาจะได้รีบแก้ไขได้ทัน
นอกจากนี้ ควรดูระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงสีของน้ำมันเบรกที่ไม่ควรมีสีคล้ำมากกว่าปกติ
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
6. ตรวจเช็กระบบไฟทุกส่วน
ไม่ว่าจะไฟหน้า (ทุกระดับ) ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก หรือไฟฉุกเฉิน ก็ต้องเช็กให้หมดว่ายังทำงานได้ตามปกติไหม หากมีตรงไหนเสียควรเปลี่ยนทันที เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
7. ตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง
วัดระดับน้ำมันเครื่องด้วยก้านวัด และระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ระหว่างขีด F และ L หรือ Max และ Min
8. ตรวจเช็กกล้องหน้ารถ
หากใครที่มีกล้องหน้ารถ ควรเช็กก่อนออกเดินทางว่ายังสามารถทำงานได้ปกติอยู่ไหม ติดตั้งในองศาที่โอเคหรือเปล่า และไฟล์ย้อนหลังควรเป็นการขับขี่ล่าสุด
หากมีไฟล์ที่ไม่จำเป็นเยอะ แนะนำให้ลบออกบ้าง หรือ Format Memory Card ก่อนออกเดินทาง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิด error ระหว่างการเดินทางไกล และอย่าลืมทำความสะอาดเลนส์กล้องด้วยนะ
(เครดิตรูปภาพ: toyota)
9. เตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อม
เป็นสิ่งที่ควรมีติดรถไว้เลย เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นตอนไหน หากมีอุปกรณ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้รถของเราไว้ก่อนก็คงจะดีไม่น้อย
- ประแจ
- ไขควง
- สายพ่วงแบตเตอรี่
- สเปรย์ปะยาง
- ไฟฉาย
- ถังดับเพลิงในรถ
- ค้อนนิรภัยสำหรับทุบกระจกและตัดสายเข็มขัด
- แม่แรง
- น้ำมันรถ/น้ำมันเครื่องสำรอง
- ยางอะไหล่
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
10. ความพร้อมของคนขับ
ก่อนออกเดินทางควรมีการวางแผนการเดินทางก่อนว่า จะต้องเดินทางไปเส้นทางไหนบ้าง ต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ เพื่อให้คนขับรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างขณะขับขี่
ในคืนก่อนออกเดินทาง ไม่ควรรับประทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วง เพราะจะส่งผลต่อการขับขี่มาก ๆ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
และที่สำคัญควรขับขี่ด้วยความไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และเตรียมที่ชาร์จสำรองสำหรับโทรศัพท์มือถือ และเบอร์ฉุกเฉินติดไว้ด้วย เผื่อเกิดเหตุใด ๆ ขึ้นจะได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานหรือคนใกล้ชิดให้ช่วยเหลือได้
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ขับรถลุยน้ำท่วมยังไง ไม่ให้เครื่องดับ
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…