รถคันแรก จำเป็นต้องทำประกันไหม?

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1650528315006 Man Woman Choosing Car Car Showroom

(เครดิตรูปภาพ: Freepik)

ซื้อรถคันแรก จำเป็นต้องทำประกันไหม และควรทำประกันประเภทไหน หรือจริง ๆ แล้วไม่ได้จำเป็น?

ส่วนใหญ่มือใหม่หัดขับที่เพิ่งออกรถป้ายแดงมาหมาด ๆ อาจจะยังขับขี่ไม่คล่อง ยังไม่ชินเท่าไหร่ ซึ่งบางครั้งก็อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมาได้ ไม่ว่าเราจะไปชนเขา หรือเขามาชนเรา หรืออุบัติเหตุอื่น ๆ ที่ไม่มีคู่กรณี เช่น กิ่งไม้หล่นใส่รถ ขับรถชนเสาไฟฟ้า ฯลฯ เราก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด หากไม่ได้ทำประกันเอาไว้

หากถามว่าประกันรถยนต์จำเป็นต้องทำไหม สำหรับการซื้อรถคันแรก ก็ต้องขอบอกว่าไม่มีคำตอบฟันธง 100% ว่าจำเป็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของรถเลย แต่การมีประกันรถยนต์ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระให้เราได้มาก หากเกิดอุบัติขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทประกันก็จะชดเชยให้ตามเบี้ยประกันหรือเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่เราเลือก อยู่ที่ว่าเราต้องการการคุ้มครองแบบไหน เพราะประกันรถยนต์ก็มีหลายประเภทให้เลือก

Editors%2 Fimages%2 F1650528423508 Beautiful Woman Buying Car

(เครดิตรูปภาพ: Freepik)

ส่วนใหญ่รถใหม่ รถมือหนึ่ง หรือซื้อรถคันแรก มักจะทำประกันรถยนต์ประเภทที่ 1 หรือประกันชั้น 1 เพราะคุ้มครองได้ครอบคลุมกว่าประเภทอื่น ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เชี่ยวชาญในการขับรถ แต่ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

แต่ก่อนจะที่จะตัดสินใจเลือกทำประกันสักประเภทหนึ่ง ควรทำความเข้าใจกับประกันรถยนต์แต่ละประเภทก่อน จะได้เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุด เพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว

1. ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1

หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ประกันชั้น 1 เป็นประเภทของประกันภัยรถยนต์ที่ให้การคุ้มครองมากที่สุด ครอบคลุมที่สุด แต่ค่าเบี้ยประกันค่อนข้างสูง เพราะรับผิดชอบความเสียหายทั้งที่เกิดขึ้นกับเราและคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายของรถยนต์ ทรัพย์สิน และร่างกาย รวมไปถึงกรณีสูญหายหรือไฟไหม้ ก็ได้รับการชดเชย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดและเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ และของแต่ละบริษัทประกันด้วย หากพอจะมีงบอยู่ก็แนะนำเป็นประกันชั้น 1 ไปเลยดีกว่าสำหรับมือใหม่หัดขับ

2. ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2

ประกันชั้น 2 จริง ๆ ก็มีความคล้ายกับการคุ้มครองของประกันชั้น 1 เลย ต่างกันแค่ไม่ได้ชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของเราเท่านั้น ทำให้เราต้องจ่ายเอง หากคุณเริ่มมีความชำนาญในการขับรถบ้างแล้ว และใช้รถไม่บ่อยมากนัก ประกันชั้น 2 ก็คือว่าเป็นถ้าเลือกที่โอเคอยู่ เพราะเบี้ยประกันถูกกว่าประกันชั้น 1

Editors%2 Fimages%2 F1650528561949 Insurance Agent Working During Site Car Accident Claim Process People Car Insurance Claim

(เครดิตรูปภาพ: Freepik)

3. ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2+

รับผิดชอบทุกอย่างเหมือนประกันชั้น 2 เลย แต่เพิ่มความคุ้มครองไปถึงรถของเราด้วย ในกรณีที่รถชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น

4. ประกันรถยนต์ ประเภท 3

ประกันชั้น 3 จะคุ้มครองและรับผิดชอบเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเราทั้งหมด เราต้องรับผิดชอบตัวเอง เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานมาหลายปีแล้ว หรือนาน ๆ จะใช้รถสักที

5. ประกันรถยนต์ ประเภท 3+

รับผิดชอบทุกอย่างเหมือนประกันชั้น 3 แต่รับผิดชอบรถของเราด้วย ในกรณีที่รถชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น

หลัก ๆ ของประเภทประกันภัยรถยนต์ก็จะมีประมาณนี้ ซึ่งแนะนำให้ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ และของแต่ละบริษัทประกันให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะอาจจะมีข้อแตกต่างกันบ้างในบางจุด ให้พิจารณาจากสไตล์การขับขี่และการใช้งานรถของเราว่า มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงงบประมาณที่พอจะจ่ายไหวสำหรับเบี้ยประกัน หากเลือกประกันชั้น 1 จ่ายแพงหน่อยแต่เราแทบจะไม่ต้องควักเนื้อตัวเองเพิ่มในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าเลือกประเภทอื่น ๆ รองลงมา ก็ต้องยอมรับว่าบางกรณีเราก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นมือใหม่หัดขายรถ แนะนำให้มาขายที่ Motorist ได้เลย ไม่มีประสบการณ์ขายมาก่อนก็ขายได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ต้นจนจบการขาย ใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และไม่มีข้อผูกมัด

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: ซื้อรถคันแรก ต้องเลือกยังไง?


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น