(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
รู้หรือไม่? ที่ปัดน้ำฝนก็มีวันหมดอายุเหมือนกัน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันหมดอายุเมื่อไหร่ และตอนไหนที่ควรเปลี่ยน...
ที่ปัดน้ำฝน เป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้ให้ความสนใจหรือการดูแลเท่าที่ควร ซึ่งจริง ๆ แล้วจุดเล็ก ๆ นี้มีผลต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการขับขี่ช่วงฝนตก เพราะถ้าที่ปัดน้ำฝนทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้!
ที่ปัดน้ำฝนก็มีวันเสื่อมสภาพเหมือนกับจุดอื่น ๆ ภายในรถเช่นกัน แต่หลายคนอาจจะไม่ค่อยทราบหรือไม่ได้ให้การดูแลเท่าที่ควร เมื่อถึงเวลาจะใช้งานจริงอาจพบว่ามันใช้งานได้ไม่เต็มที่แล้ว หรือหมดอายุไปแล้วนั่นเอง แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยน?
เริ่มปัดสะดุดและไม่สะอาด
ปกติแล้วเราจะเห็นว่าที่ปัดน้ำฝนจะทำงานอย่างไหลลื่นมาก ๆ และสะอาดมาก ๆ ด้วย เพื่อเคลียร์ทัศนวิสัยให้คุณอย่างรวดเร็วและชัดเจน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ที่ปัดน้ำฝนของคุณเริ่มทำงานสะดุด ปัดไม่หมดบ้าง ปัดไม่สะอาดบ้าง อาจเป็นสัญญาณว่าที่ปัดน้ำฝนของคุณเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเพราะมีผลต่อการขับขี่ของคุณโดยตรง หากกระจกหน้ารถไม่สะอาด หรือปัดน้ำฝนได้ไม่ทัน อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
เกิดรอยเมื่อเปิดใช้งาน
หากขณะที่เปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝน แล้วเกิดรอยขุ่นมัวหรือมีรอยละอองน้ำเป็นริ้ว ๆ ขึ้นบนกระจก แปลว่าประสิทธิภาพของที่ปัดน้ำฝนเริ่มเลื่อมแล้ว เพราะปกติแล้วที่ปัดน้ำฝนย่อมปัดน้ำบนกระจกออกไปได้อย่างเกลี้ยงเกลา ถ้าปัดออกไม่หมดหรือทิ้งรอยต่าง ๆ ไว้จะทำให้คุณมองทางได้ลำบาก
มีเสียงดังขณะปัด
เวลาที่ที่ปัดน้ำฝนทำงานอยู่ อาจจะมีเสียงบ้างเล็กน้อย ไม่ได้ดังมาก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดเสียงดังหรือมีอาการกระตุกเวลาปัด อาจเป็นเพราะใบปัดน้ำฝนเสื่อม จึงเสียดสีกับกระจกนั่นเอง
มองเห็นด้วยตาว่ามีความแห้งกรอบ
การจอดรถตากแดดบ่อย ๆ อาจส่งผลให้ยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนดได้ด้วยสภาพอากาศที่ร้อน เมื่อยางใบปัดน้ำฝนเริ่มมีความแข็ง กรอบ เป็นขุย หรือมีรอยฉีกขาด เวลาใช้งานจะไม่แนบสนิทไปกับกระจก ทำให้ปัดน้ำฝนไม่สะอาดหรืออาจจะทำให้ปัดไม่ได้เลย
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
ทำยังไงไม่ให้ที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็ว?
- ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้ายางใบปัดน้ำฝนสกปรก ก็ไม่สามารถช่วยให้กระจกของเราสะอาดได้ แถมอาจจะทำให้เกิดรอยจากคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ด้วย ควรนำผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ มาเช็ดทำความสะอาดบ่อย ๆ โดยเช็ดตามแนวยาวของใบปัดน้ำฝน เพื่อคงสภาพที่ปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพดีไปนาน ๆ และไม่ควรใช้น้ำยาล้างรถในการทำความสะอาด เพราะสารเคมีในน้ำยาอาจจะทำให้ยางเสื่อมได้
- หากต้องนำรถจอดตากแดด อย่ายกที่ปัดน้ำฝนขึ้น เพราะจะทำให้ที่ปัดน้ำฝนรับความร้อนจากแสงแดดเข้าไปเต็ม ๆ ทำให้ที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร แต่ทางที่ดีแนะนำว่าไม่ควรจอดรถตากแดดจะดีกว่า
- หมั่นทำความสะอาดกระจกหน้ารถอยู่เสมอ เพราะถ้าบนกระจกมีเศษดินหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ เกาะอยู่ หากเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝนอาจจะทำให้ที่ปัดน้ำฝนพังง่าย และกระจกอาจจะเสียหายด้วย
- ควรเปลี่ยนยางใบปัดน้ำฝนทุก ๆ 6 เดือน ถ้าสำหรับกระจกหลังจะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี ซึ่งการเปลี่ยนแค่ตัวยางสามารถทำได้ แต่ต้องเปลี่ยนโดยผู้ที่มีความชำนาญในระดับนึง แนะนำให้เปลี่ยนยกชุดไปเลยง่ายกว่า
แต่ถ้าอยากขายรถมือสองง่าย ๆ ต้องลงขายที่ Motorist ขายง่าย ได้ราคาดี ไม่มีเก็บค่านายหน้าเพิ่ม รับราคาประเมินภายใน 1 วัน!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: เทคนิคขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย สำหรับมือใหม่หัดขับ
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…