(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
ดูแลรถให้เหมือนใหม่ ยังไงก็ขายต่อได้ราคาดี วันนี้ Motorist มีวิธีดูแลรถกระบะให้เหมือนใหม่ตลอดเวลามาแนะนำ
“รถกระบะ” เป็นประเภทรถที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับชาวไทย เพราะสามารถบรรทุกของได้เยอะ ราคาเอื้อมถึงได้ ลุยกับสภาพเส้นทางและสภาพอากาศของไทยได้ดี และค่อนข้างประหยัดน้ำมัน ทำให้มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก
แต่ถึงแม้ว่ารถกระบะจะเป็นรถที่ดูทนทาน แข็งแรง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันเสื่อมสภาพ ดังนั้นเราควรหมั่นดูแลรักษารถกระบะของเราอยู่เสมอ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่ดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
สิ่งที่ควรทำเมื่อเป็นเจ้าของรถกระบะ
1. ทำความสะอาดรถอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
การที่เราใช้รถอย่างสมบุกสมบันโดยไม่ค่อยได้ทำความสะอาดเลย อาจทำให้คราบสกปรกต่าง ๆ ฝังแน่น และทำความสะอาดได้ยาก เสี่ยงต่อการเกิดรอยขณะทำความสะอาดได้ ดังนั้นควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อรถให้ดูเงางามเหมือนใหม่
2. ตรวจเช็กและเปลี่ยนของเหลวในรถตามความเหมาะสม
ของเหลวภายในรถมีหน้าที่รักษาอุณหภูมิให้กับเครื่องยนต์ หากอยู่ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง, ระดับน้ำหล่อเย็น เป็นต้น
3. เปลี่ยนไส้กรองอากาศตามความเหมาะสม เพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์และช่วยให้อัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้น
ไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ต้องการอากาศที่สะอาด แต่เครื่องยนต์ก็ต้องการเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีไส้กรองอากาศเพื่อดักจับและกรองฝุ่นไม่ให้เข้าไปสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้ ไส้กรองอากาศโดยปกติจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 20,000 - 40,000 กิโลเมตร (อาจแตกต่างกันตามรถแต่ละรุ่น) หรือเปลี่ยนตามความจำเป็นหากรู้สึกว่าเริ่มมีฝุ่นเยอะเกินไป
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
4. ตรวจเช็กลมยาง
ควรเติมลมยางให้พอดี ไม่ต้องมากหรือน้อยเกินไปเพราะไม่เป็นผลดีต่อการขับขี่ และควรตรวจเช็กลมยางอย่างน้อย 1-2 ครั้ง เพราะโดยปกติแล้วลมยางจะลดลงเองอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว/เดือน นอกจากนี้การบรรทุกของหนักเกินไปก็มีส่วนทำให้ศูนย์ล้อเกิดความผิดปกติและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
5. ตรวจเช็กระบบไฟ
ระบบไฟก็สำคัญไม่แพ้กัน หากเกิดความผิดปกติเพียงเล็กน้อยก็ควรแก้ไขทันที ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียลุกลามกว่าที่คิด เช่น หากไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ ก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนี้ควรมีฟิวส์สำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินด้วย
6. ตรวจเช็กสภาพรถตามระยะและกำหนด
ทุกส่วนของรถมีอายุการใช้งานและเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา หากคุณใช้งานรถโดยไม่ตรวจเช็กระยะรถเลย อาจทำให้คุณไม่รู้ตัวว่ามีส่วนไหนของรถที่ผิดปกติบ้าง เช่น ยางรถ ควรตรวจเช็กทุก 6 เดือนหรือทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร เป็นต้น
7. ดูแลรถตามคู่มือประจำรถ
รถแต่ละรุ่น แต่ละคัน อาจมีการดูแลที่แตกต่างกันออกไปในบางส่วน ควรศึกษาและทำความเข้าใจกับคู่มือประจำรถของคุณ เพื่อช่วยให้คุณดูแลรถได้อย่างเหมาะสม เพราะถ้าดูแลผิดวิธีอาจทำให้รถเสื่อมไวกว่าที่ควร
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
8. จำกัดความเร็วไม่เกิน 88 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือตามคำแนะนำสำหรับรถแต่ละรุ่น
9. หลีกเลี่ยงการจอดในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดรอยได้ง่าย
10. ไม่ควรเร่งเครื่องเมื่อสตาร์ทรถทันที ควรรอประมาณ 10-20 นาทีก่อน
11. ไม่ควรขับรถเร็วเกินไปในสภาพอากาศที่ร้อนหรือเย็นจัด
12. ไม่ควรเบรกกะทันหันบ่อย ๆ เพราะจะทำให้ล้อสึกเร็ว
13. ไม่ควรหมุนพวงมาลัยไปทางใดทางหนึ่งจนสุด
14. ไม่ควรจอดรถทิ้งไว้เฉย ๆ นานเกินไป เพราะเมื่อสตาร์ทรถอีกครั้งอาจทำให้แบตรถเสื่อมและเครื่องยนต์สึกหรอได้ง่าย เพราะระบบของเหลวภายในเครื่องยนต์แห้งไปแล้ว
15. ไม่ควรจอดรถตากแดด แนะนำให้ใช้ผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันสีรถซีดเร็วและรอยขีดข่วน
(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
16. ไม่ควรบรรทุกของหนักเกิน 1,100 กิโลกรัม
17. ถนอมสีรถและลดการเกิดรอยขีดข่วนด้วยการเคลือบแวกซ์
18. ขณะเติมลมยางให้สังเกตว่ามีความชื้นบริเวณตัวปั๊มหรือไม่ เพราะถ้ามีความชื้นเข้าไปอาจทำให้ล้อเสียหายได้
19. หากใช้รถไปได้ประมาณ 48,000 - 64,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนหัวเทียน
20. เติมน้ำสะอาดให้หม้อน้ำรถ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมภายใน
หากใครมีเทคนิคในการดูแลรถเพิ่มเติม สามารถคอมเมนต์แนะนำเข้ามาได้เลย แต่ถ้าต้องการขายรถให้ได้ราคาดี ต้องขายที่ Motorist เท่านั้น!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ค่าเสื่อมราคารถ คำนวณยังไง?
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…