(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
การตรวจเช็กสภาพรถในทุก ๆ วันก่อนออกสตาร์ท จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง แต่หลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นและไม่มีเวลาเพียงพอในการทำ เพราะต้องรีบออกจากบ้านเพื่อหนีรถติด หรือบางคนอาจจะเน้นการตรวจเช็กสภาพรถตามระยะแทน
จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าจะต้องทำ หรือถ้าไม่ทำแล้วจะผิดอะไร แต่เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ การตรวจเช็กสภาพรถในทุก ๆ วันก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้เสียหายอะไร และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราด้วยว่ารถของเราพร้อมใช้งานจริง ๆ
การตรวจเช็กสภาพรถในชีวิตประจำวัน ไม่ได้จะต้องตรวจเยอะจนเสียเวลามากมายขนาดนั้น จะเน้นตรวจเช็กเฉพาะจุดที่มีผลต่อการขับขี่ในทันทีหากเกิดการสึกหรอหรือชำรุด โดยจุดที่จะต้องให้ความสำคัญมีดังนี้
- เดินตรวจเช็กสภาพรถภายนอกรอบคัน เพื่อตรวจสอบว่ารถของเรามีรอยอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ สภาพยางรถยนต์ยังดีอยู่หรือเปล่า (ดอกยาง/ลมยาง) รวมไปถึงกระจกรถว่ามีความเสียหายใด ๆ หรือไม่
- ตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่อง โดยการดึงก้านน้ำมันเครื่องออกมาและเช็ดทำความสะอาด จากนั้นใส่กลับเข้าไปที่เดิมอีกครั้งแล้วปล่อยไว้สักพักนึง แล้วดึงขึ้นมาเพื่อดูว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ที่เท่าไหร่ หากน้ำมันเครื่องเหลือน้อยเกินไปให้รีบเติมทันที ไม่ควรปล่อยไว้จนน้ำมันเครื่องแห้ง ควรให้ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในจุดที่เหมาะสมเสมอ
- ตรวจเช็กน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หากอยู่ในระดับต่ำควรรีบเติมน้ำหล่อเย็นหรือน้ำสะอาดให้อยู่ในระดับที่พอดี
- ตรวจเช็กระดับน้ำในถังฉีดกระจก โดยเฉพาะช่วงที่มีฝนตกบ่อย ๆ ควรตรวจเช็กอย่างเป็นประจำ
- ตรวจเช็กสัญญาณไฟและไฟเตือนต่าง ๆ บนหน้าปัดรถว่าใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
- ตรวจเช็กว่าใต้ท้องรถมีรอยหยดของน้ำมันหรือไม่ หากพบรอยน้ำมันอาจเป็นไปได้ว่ามีบางส่วนเกิดรอยรั่ว
สำหรับการตรวจเช็กสภาพรถในชีวิตประจำวัน เพียง 6 ข้อนี้ก็น่าจะเพียงพอและใช้เวลาไม่นานมาก หากคุณมีคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการตรวจเช็กสภาพรถด้วยตัวเอง สามารถคอมเมนต์ด้านล่างได้เลย
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ยางเปอร์เซ็นต์ VS ยางใหม่ เลือกใช้อะไรดี?
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…