(เครดิตรูปภาพ: freepik)
หน้าร้อน อากาศร้อนจัด ส่งผลต่อทุกสิ่งแม้แต่รถยนต์ของเรา ระบบระบายความร้อนของรถยนต์ทำงานหนักเป็นพิเศษ หากระบบระบายความร้อนทำงานไม่ปกติ อาจส่งผลร้ายแรงต่อเครื่องยนต์ได้ แล้วควรดูแลอย่างไร
ในช่วงฤดูร้อนที่ประเทศไทยมีอุณหภูมิทะยานไปที่ 42-43 องศาเซลเซียส เรื่องที่ควรใส่ใจสำหรับเจ้าของรถยนต์คือการดูแลระบบระบายความร้อนของรถที่สำคัญเป็นพิเศษ อากาศร้อนจัดอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์และระบบระบายความร้อนของรถยนต์ เช่น อาการโอเวอร์ฮีต (Overheat) ซึ่งอาจส่งผลให้เครื่องยนต์หยุดทำงานและต้องการการซ่อมแซมที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูง ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับปัญหาและวิธีการดูแลระบบระบายความร้อนในรถยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว
สาเหตุของเครื่องยนต์ร้อนจัด
ระดับน้ำในหม้อน้ำต่ำ
การตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากน้ำในหม้อน้ำต่ำเกินไป หรือหม้อน้ำมีการรั่วซึม ทำให้เกิดปัญหาเครื่องยนต์ร้อนจัดได้ ควรตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำทุก 3-4 วัน หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หากระดับน้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัด ควรเติมน้ำยาหม้อหล่อเย็นผสมน้ำลงไปที่หม้อพักน้ำตามขีดสูงสุดที่กำหนดไว้ หากน้ำหายไปมากเกินไป ควรให้ช่างตรวจสอบหาสาเหตุและทำการซ่อมแซม
ฝาปิดหม้อน้ำ
ฝาปิดหม้อน้ำมีหน้าที่ในการสร้างแรงดันในระบบระบายความร้อน หากฝาปิดหม้อน้ำชำรุดหรือมีสนิม อาจทำให้ระบบที่สร้างสุญญากาศไม่ทำงาน น้ำไม่ไหลวนในระบบ และทำให้ความร้อนสูงขึ้นจนถึงระดับน้ำเดือด
สายพานปั๊มน้ำ
สายพานที่คล้องอยู่กับพูเลย์ปั๊มน้ำ หากเกิดอาการหย่อน ขาด หรือเกิดการลื่น อาจทำให้ปั๊มน้ำหยุดทำงาน ส่งผลให้การหมุนวนน้ำเพื่อระบายความร้อนของเครื่องยนต์หยุดไปด้วย เครื่องยนต์จึงเกิดอาการร้อนจัด
พัดลมไฟฟ้า
พัดลมไฟฟ้าในระบบระบายความร้อนต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หากพัดลมไม่ทำงานหรือใบพัดลมแตกหัก อาจทำให้แรงลมไม่พอในการระบายความร้อนจากหม้อน้ำ อาจเป็นเพราะฟิวส์ควบคุมพัดลมขาดหรือพัดลมไฟฟ้าพัง
สนิมในระบบระบายความร้อน
สนิมหรือสิ่งสกปรกอาจจับตัวอุดตันในระบบระบายความร้อน ซึ่งอาจเกิดจากท่อทางเดินของระบบระบายความร้อนที่ทำจากอะลูมิเนียมหรือเหล็ก การตรวจสอบและทำความสะอาดระบบเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการอุดตัน
ระบบระบายความร้อนแบบปิด
ระบบระบายความร้อนแบบปิดอาจเกิดปัญหาหากมีการรั่วซึมของอากาศเข้าไปในระบบ ทำให้การหมุนเวียนของน้ำในหม้อน้ำไม่ดีพอและเครื่องยนต์ร้อนจัด
เทอร์โมสตัท
เทอร์โมสตัทควบคุมการเปิดปิดของวาล์วน้ำในระบบ หากเสียหายหรือไม่ทำงาน อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดเร็วขึ้นเนื่องจากระบบน้ำหล่อเย็นไม่หมุนวนเพื่อลดอุณหภูมิ
ปะเก็นฝาสูบ
ปะเก็นฝาสูบที่สมบูรณ์จะช่วยให้กำลังอัดดีขึ้น หากปะเก็นฝาสูบรั่ว นอกจากกำลังอัดจะตกแล้ว ยังอาจทำให้น้ำในหม้อน้ำไหลเข้ากระบอกสูบอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องมีบทบาทสำคัญในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ และช่วยลดอุณหภูมิการทำงาน หากน้ำมันเครื่องต่ำหรือรั่วหยด อาจทำให้การหล่อลื่นไม่เพียงพอ และทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในเครื่องยนต์
(เครดิตรูปภาพ: freepik)
วิธีการป้องกันและดูแล
- ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ: ตรวจสอบระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอ และเติมน้ำให้เต็มตามขีดสูงสุด
- ตรวจเช็คฝาปิดหม้อน้ำ: ตรวจสอบสภาพของฝาปิดหม้อน้ำและทำการเปลี่ยนหากมีการชำรุด
- ตรวจสอบสายพานปั๊มน้ำ: ตรวจสอบสายพานเป็นประจำและเปลี่ยนใหม่หากมีอาการหย่อนหรือขาด
- ตรวจสอบพัดลมไฟฟ้า: ตรวจเช็คพัดลมไฟฟ้าและฟิวส์ควบคุมให้ทำงานปกติ
- ทำความสะอาดระบบระบายความร้อน: ทำความสะอาดระบบระบายความร้อนและตรวจสอบการอุดตัน
- ตรวจสอบเทอร์โมสตัทและปะเก็นฝาสูบ: ตรวจสอบการทำงานของเทอร์โมสตัทและสภาพของปะเก็นฝาสูบ
- ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง: ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและเติมน้ำมันให้พอเพียง
การดูแลระบบระบายความร้อนของรถยนต์ให้ดีในช่วงอากาศร้อนจัด จะช่วยป้องกันปัญหาเครื่องยนต์ร้อนจัดและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ไขข้อสงสัย! ป้ายจราจรเลข 3 บนถนนหมายถึงอะไร?
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…