(เครดิตรูปภาพ: freepik)
เชื่อว่าหลายคนมีความใฝ่ฝันอยากมีรถยุโรป เพราะด้วยดีไซน์ที่หรูหรา ดูดี มีระดับ ขับแล้วดูสมาร์ท และดูมีความคงทนแข็งแรง จึงอยากลงทุนเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน
แต่รู้หรือไม่ว่ามีหลายคนเช่นกันที่พอได้เป็นเจ้าของรถยุโรปแล้ว กลับอยากย้อนเวลาไปใช้รถญี่ปุ่นเหมือนเดิม มาดูกันว่าเป็นเพราะอะไร?
ค่าบำรุงรักษาแพง
รถยุโรปขึ้นชื่อเรื่องค่าอะไหล่แพง เพราะบางอย่างก็ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ยิ่งถ้าเป็นรถที่มีเทคโนโนยีที่ซับซ้อน ก็จะต้องเลือกใช้ช่างซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการซ่อมแซม ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงแต่ละครั้งสูงกว่ารถญี่ปุ่น
ค่าเสื่อมราคาต่ำกว่า
โดยปกติรถทุกคันมีค่าเสื่อมราคาตั้งแต่ซื้อรถวันแรกแล้ว แต่สำหรับรถญี่ปุ่นจะมีอัตราค่าเสื่อมราคาที่ต่ำกว่ารถยุโรป ดังนั้นเมื่อขายต่อมักจะขาดทุนไม่มาก ต่างจากรถยุโรปที่เวลาขายต่อราคามักจะตกฮวบ ซึ่งบางคันอาจมีค่าเสื่อมถึงหลักแสนหลักล้านบาท
ฟังก์ชันไม่น้อยหน้า
ถึงแม้ว่ารถยุโรปจะมีความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีสุดล้ำอยู่ตลอด แต่ในปัจจุบันรถญี่ปุ่นเองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการติดตั้งออปชันและฟังก์ชันต่าง ๆ มากมาย บางรุ่นอาจใส่มามากกว่ารถยุโรปด้วยซ้ำในราคาที่ใกล้เคียงหรือถูกกว่า
ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
สำหรับบางคนรถยุโรปดูใช้งานยากกว่า เพราะมีความซับซ้อนของเทคโนโลยีและฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่เหมือนกับรถญี่ปุ่นที่ดูมีความเรียบง่ายกว่า สามารถทำความคุ้นเคยได้เร็ว และใช้งานสะดวกในชีวิตประจำวัน
หาที่ซ่อม/ศูนย์บริการง่าย
เวลาเราขับรถไปตามพื้นที่ต่าง ๆ มักจะเห็นศูนย์บริการของรถญี่ปุ่นอยู่เสมอ ดังนั้นอุ่นใจได้เลยว่าเมื่อรถมีปัญหาจะสามารถหาที่ซ่อมได้ง่าย หรือแม้กระทั่งอู่ซ่อมรถทั่วไปก็สามารถช่วยแก้ปัญหาให้รถญี่ปุ่นได้เช่นกัน
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ก่อนตัดสินใจซื้อรถสักหนึ่งคันก็ควรพิจารณาหลาย ๆ ด้านอย่างถี่ถ้วน จะได้ไม่รู้สึกอยากเปลี่ยนใจในภายหลัง โดยเฉพาะการวางแผนทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินดาวน์หรือการผ่อนชำระค่างวด หากไม่มีการวางแผนที่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินตามมาภายหลังได้
แต่ถ้าอยากขายรถ ติดต่อที่ Motorist ได้เลยไม่ต้องคิดเยอะ เพราะเราช่วยขายให้คุณในราคาที่ดีที่สุด!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ซื้อรถคันแรก ควรวางเงินดาวน์เท่าไหร่?
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…