(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ใครที่กำลังมองหารถมือสองอยู่ คงจะรู้ว่าสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจซื้อคือการเช็กสภาพรถให้ละเอียดก่อนนั่นเอง
เพราะเรามีโอกาสที่จะเจอรถย้อมแมว หรือรถที่ถูกกรอไมล์มาเพื่อให้ดูเหมือนใช้งานน้อยกว่าความเป็นจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเราและผู้ขับขี่คนอื่น ๆ บนท้องถนนได้
แต่ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจกันไป เพราะเรามีวิธีสังเกตง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณดูได้ว่ารถคันนั้นผ่านการกรอไมล์มาหรือเปล่า ไปดูกันเลย
วิธีเช็กรถว่าถูกกรอไมล์มาหรือไม่?
- เช็กสภาพรถให้สอดคล้องกับระยะไมล์ – สังเกตจากสภาพทั้งภายนอกและภายใน เช่น หากรถวิ่งมาไม่เกิน 100,000 กม. และอายุรถยังไม่ถึง 5 ปี เบาะรถควรสภาพดีไม่ยับเยิน ปุ่มต่าง ๆ บนคอนโซลไม่ลอกหรือซีดมากเกินไป และแป้นเหยียบต่าง ๆ ก็ไม่ควรสึกจนเห็นได้ชัด
- ดูประวัติการซ่อมบำรุง – ถ้ามีเอกสารการซ่อมติดมาด้วย ให้ลองเช็กดูว่าประวัติการซ่อมและเลขไมล์มันสอดคล้องกันหรือเปล่า ถ้ารถเลขไมล์น้อยแต่มีการซ่อมใหญ่ ๆ เปลี่ยนอะไหล่บ่อย ๆ หรือเคยผ่านการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาก่อน ก็อาจเป็นสัญญาณว่ารถอาจจะเคยผ่านการใช้งานหนักมา
- ตรวจสอบกับอู่หรือศูนย์บริการประจำ – ลองเช็กประวัติซ่อมบำรุงที่อู่หรือศูนย์บริการที่เจ้าของเดิมเคยใช้บ่อย ๆ โดยอาจใช้ใบเสร็จการซ่อมหรือหมายเลขทะเบียนรถในการนำไปแจ้ง เพราะปกติจะมีบันทึกเลขไมล์ของรถไว้ในประวัติการซ่อมบำรุงด้วย
ถ้าซื้อมาแล้วพบว่ารถถูกกรอไมล์ต้องทำยังไง ?
ถ้าเราเจอว่าโดนกรอไมล์เข้าจริง ๆ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราสามารถขอยกเลิกสัญญาซื้อขายได้ตามกฎหมาย พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีฐานหลอกลวงได้อีกด้วย ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้นหากเราตัดสินใจจะซื้อรถมือสอง เราก็จะต้องรับความเสี่ยงที่อาจจะเจอรถที่ถูกกรอไมล์หรือไม่ตรงปกได้ แต่ถ้าเราตรวจเช็กตามวิธีข้างต้นอย่างละเอียดแล้ว ก็ถือว่าเป็นการลดโอกาสที่่่จะโดนหลอกให้น้อยลงไปได้ แต่หากไม่แน่ใจจริง ๆ แนะนำให้พาผู้เชี่ยวชาญหรือช่างไปช่วยดูขณะเช็กเพื่อเพิ่มความสบายใจให้กับเรา
อ่านเพิ่มเติม: รู้ยัง ! ตอนนี้เราเช็กคะแนนใบขับขี่ด้วยตัวเองได้แล้ว
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…