(เครดิตรูปภาพ: freepik)
เมื่อพูดถึงกระจกรถยนต์ หลายคนอาจสงสัยว่ากระจกเหล่านี้สามารถป้องกันรังสี UV ได้จริงหรือไม่
โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยที่แสงแดดพร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง การป้องกันรังสี UV จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยดูแลทั้งรถยนต์และสุขภาพผิวหนังของคุณ!
กระจกรถยนต์ป้องกันรังสี UV ได้อย่างไร
กระจกรถยนต์ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV อยู่แล้ว โดยกระจกหน้ารถมักทำจาก กระจกลามิเนต (Laminated Glass) ซึ่งมีชั้นฟิล์มพิเศษที่ช่วยกรองรังสี UV ได้มากกว่า 95% ขณะที่กระจกข้างและกระจกหลังมักทำจาก กระจกนิรภัย (Tempered Glass) ซึ่งสามารถกรองรังสี UV ได้บางส่วน แต่ไม่มากเท่ากระจกหน้ารถ
ฟิล์มกรองแสงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
หากต้องการการปกป้องจากรังสี UV ที่ดียิ่งขึ้น การติดฟิล์มกรองแสงเป็นทางเลือกที่นิยมอย่างมาก โดยฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% นอกจากนี้ยังช่วยลดความร้อนภายในห้องโดยสาร และป้องกันการซีดจางของวัสดุภายในรถ เช่น เบาะหนังหรือพลาสติกได้อีกด้วย
ประโยชน์ของการป้องกันรังสี UV
ปกป้องผิวหนัง: การป้องกันรังสี UV ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังและปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น การเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ป้องกันดวงตา: รังสี UV อาจทำลายดวงตาได้ การป้องกันรังสี UV จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคต้อกระจกได้ในระยะยาว
ถนอมวัสดุภายในของรถ: การลดรังสี UV ช่วยป้องกันไม่ให้วัสดุภายในรถเสื่อมสภาพเร็วจนเกินไป
คำแนะนำเพิ่มเติม
แม้ว่ากระจกรถยนต์จะสามารถป้องกันรังสี UV ได้บางส่วน แต่การติดฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันได้อย่างดีเยี่ยม และที่สำคัญ อย่าลืมเลือกฟิล์มกรองแสงที่ได้รับมาตรฐานและเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อป้องกันอันตรายต่อผิวของคุณ และถนอมวัสดุภายในรถเมื่อให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: “กระบะ 1 ตัน” แท้จริงแล้วไม่ใช่น้ำหนักรถ แต่คือน้ำหนักบรรทุก!
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…