(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบขับรถ แล้วสงสัยว่าเจ้า เกียร์ CVT ที่ใคร ๆ พูดถึงกันเนี่ย มันดียังไง? แล้วต่างจากเกียร์อัตโนมัติทั่วไปยังไงบ้าง?
บทความนี้เราจะพาไปดูข้อดี-ข้อเสียของเกียร์ CVT พร้อมทั้งวิธีดูแลรักษาให้ใช้งานได้ยาว ๆ แบบไม่พังง่าย ไปดูกันเลย!
เกียร์ CVT คืออะไร?
CVT ย่อมาจาก Continuously Variable Transmission แปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่าเกียร์ที่มีอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง ไม่มีการเปลี่ยนเกียร์แบบกระตุกเหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วไป หลักการทำงานของมันคือ ใช้ระบบ พูลเลย์ (Pulley) สองตัว กับ สายพานโลหะ (Steel Belt) ในการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อ แทนการใช้เฟืองเกียร์แบบเดิม ๆ
พูดง่าย ๆ ก็คือ เกียร์ CVT จะปรับอัตราทดเองได้ตามความเร็วของรถ ทำให้การขับขี่นุ่มนวลและต่อเนื่องมากกว่า ไม่ต้องมีจังหวะเปลี่ยนเกียร์ให้รู้สึกกระชากเลย
ข้อดีของเกียร์ CVT
- นุ่มนวล ไม่มีสะดุด การเปลี่ยนเกียร์จะลื่นไหล ไม่กระตุก ไม่มีรอยต่อเหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ทำให้การขับขี่สบายมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองที่รถติด ๆ
- ช่วยประหยัดน้ำมัน เพราะเกียร์ CVT ปรับอัตราทดได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่เหมาะสมที่สุด ลดการสูญเสียพลังงาน ช่วยประหยัดน้ำมันไปได้เยอะเลย!
- ชุดเกียร์เล็กลง เกียร์ CVT มีชิ้นส่วนภายในน้อยกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ทำให้รถมีน้ำหนักเบาลง เหลือพื้นที่ในรถมากขึ้น และเหมาะกับรถขนาดเล็กด้วย
- ต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะชิ้นส่วนภายในไม่ซับซ้อนมาก รถที่ใช้เกียร์ CVT จึงมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้เกียร์อัตโนมัติทั่วไป
ข้อเสียของเกียร์ CVT
- ค่าบำรุงรักษาแพง ถึงแม้ว่าเกียร์ CVT จะมีชิ้นส่วนน้อยกว่า แต่การดูแลและซ่อมบำรุงกลับมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป โดยเฉพาะหากสายพานเสียหาย ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดเลย
- ไม่เหมาะกับขาซิ่ง ถ้าคุณเป็นสายซิ่ง ชอบความแรง การเร่งเครื่องแบบดุดัน อาจไม่ถูกใจกับเกียร์ CVT เพราะมันจะเน้นการขับขี่แบบนุ่มนวลและค่อย ๆ ไต่ความเร็วมากกว่า
- อัตราเร่งไม่ทันใจ คนที่เคยชินกับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติทั่วไป อาจรู้สึกว่าเกียร์ CVT เร่งไม่ทันใจ เพราะมันจะปรับอัตราทดเกียร์เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่เหมาะสมที่สุด ส่งผลให้รอบเครื่องต่ำกว่าที่คุ้นเคย
(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ปัญหาที่พบบ่อยในเกียร์ CVT
- ระบบเกียร์ร้อนง่าย เนื่องจากชุดพูลเลย์และสายพานต้องหมุนตลอดเวลา ทำให้ระบบเกียร์เกิดความร้อนสูง ถ้าระบบหล่อเย็นมีปัญหา อาจมีกลิ่นไหม้ภายในรถได้เลย
- น้ำมันเกียร์รั่วซึม เหมือนเกียร์ทั่วไปที่ต้องพึ่งน้ำมันเกียร์ในการหล่อลื่น ถ้าน้ำมันเกียร์รั่วหรือขาด จะทำให้เกียร์ตอบสนองช้า เร่งไม่ขึ้น หรือมีอาการกระตุก
- สูญเสียกำลังและความเร็ว เมื่อเกียร์ CVT มีปัญหา อาจทำให้รถมีอาการกระตุกหรือสั่นตอนเร่งเครื่อง และสูญเสียกำลังลงไป โดยเฉพาะเมื่อระบบเกียร์ร้อนจัด
- ความทนทานน้อยกว่า เกียร์ CVT มีชิ้นส่วนน้อยกว่า แต่เพราะต้องทำงานตลอดเวลา ทำให้มีอายุการใช้งานสั้นกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป
วิธีถนอมเกียร์ CVT ไม่ให้พังไว
- หลีกเลี่ยงการคิกดาวน์ (Kick Down) การกดคันเร่งหนัก ๆ เพื่อเร่งแซงในจังหวะสั้น ๆ จะทำให้เกียร์ต้องปรับอัตราทดเร็วขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานรอบสูงและกินน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้สายพานเสื่อมสภาพเร็วอีกด้วย
- ไม่ออกตัวแบบกระชาก การเหยียบคันเร่งแรง ๆ ตอนออกตัว จะทำให้รอบเครื่องพุ่งสูง พูลเลย์หมุนตามไม่ทัน ส่งผลให้สายพานเสียหายเร็ว ควรเริ่มเหยียบคันเร่งเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วอย่างต่อเนื่องจะดีกว่า
- ตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ตามระยะ ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ตามระยะที่กำหนด และใช้เฉพาะน้ำมันเกียร์ที่เหมาะกับระบบ CVT เท่านั้น ถ้าใช้ผิดประเภท อาจทำให้เกียร์เสียหายได้
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: เข้าเกียร์ถอยรถขณะรถยังไม่หยุด ระวังเกียร์พัง!
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…