(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ใครที่ขับรถบ่อย ๆ หรือเดินทางไกล น่าจะเคยเจอปัญหา "หม้อน้ำรั่ว" กันมาบ้าง
โดยเฉพาะรถที่มีอายุเยอะ หรือไม่ได้ตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำ ปล่อยให้น้ำหล่อเย็นลดต่ำเกินไปจนทำให้เครื่องยนต์ระบายความร้อนไม่ทัน แล้วอาการหม้อน้ำรั่วเป็นยังไง? ขับต่อได้ไหม? อันตรายหรือเปล่า? วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก!
หม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร?
ปัญหานี้มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของหม้อน้ำเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ส่งผลให้ข้อต่อหรือท่อยางเสื่อมสภาพจนมีรอยรั่วซึม อาจเกิดจากสนิมกัดกร่อน หรือใช้น้ำเปล่าเติมลงไปในหม้อน้ำบ่อย ๆ จนทำให้เกิดตะกอนสะสม และสุดท้ายก็เกิดการรั่วซึมได้
อาการหม้อน้ำรั่วเป็นยังไง?
- ไฟแจ้งเตือนอุณหภูมิขึ้นที่หน้าปัด
- เครื่องยนต์ร้อนจัดผิดปกติ
- มีคราบน้ำหล่อเย็นหยดใต้ท้องรถ
- พัดลมหม้อน้ำทำงานหนักขึ้น
ถ้าหม้อน้ำรั่ว ขับต่อได้ไหม?
ขับต่อไม่ได้เด็ดขาด! เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจนฝาสูบโก่ง หรือหนักกว่านั้นอาจถึงขั้นเครื่องพังยับ! ถ้าพบอาการเหล่านี้ ควรรีบจอดพักให้เครื่องยนต์เย็นลงสัก 15 - 20 นาที แล้วค่อยเติมน้ำหล่อเย็น (หรือใช้น้ำเปล่าชั่วคราว) จากนั้นนำรถไปซ่อมทันที
(เครดิตรูปภาพ: freepik)
5 วิธีรับมือหม้อน้ำรั่วฉุกเฉิน
- จอดรถข้างทางให้ปลอดภัย
- รอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนเปิดฝาหม้อน้ำ
- ใช้ดินน้ำมันหรือน้ำยาอุดรอยรั่วซึมชั่วคราว
- เติมน้ำเปล่าชั่วคราวถ้าหาน้ำหล่อเย็นไม่ได้
- รีบนำรถเข้าอู่ซ่อมทันที
หม้อน้ำมีอายุการใช้งานกี่ปี?
โดยเฉลี่ย 5 - 7 ปี หรือประมาณ 100,000 - 150,000 กม. แต่ถ้าดูแลดี ๆ อาจใช้ได้นานกว่านั้นถึง 10 ปีเลยทีเดียว!
ซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ดี?
ซ่อมได้ แต่มีโอกาสรั่วซ้ำ! แนะนำให้เปลี่ยนใหม่เลยจะดีกว่า ราคาหม้อน้ำอยู่ที่ 1,500 - 6,500 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและวัสดุ
วิธีดูแลหม้อน้ำให้ใช้ได้นาน
- หมั่นเช็กระดับน้ำหล่อเย็น ไม่ให้ต่ำเกินไป
- ห้ามใช้น้ำเปล่าแทนน้ำหล่อเย็น
- ใช้น้ำหล่อเย็นที่เหมาะกับรุ่นรถ
ดังนั้น อย่าลืมดูแลหม้อน้ำให้ดี จะได้ไม่ต้องปวดหัวตอนเดินทาง!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ไม่ถ่ายน้ำมันเครื่องจะเกิดอะไรขึ้น?
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…