เคลมประกันรถยนต์ได้กี่ครั้ง? เคลมบ่อย vs. ไม่เคลมเลย มีผลอย่างไร?

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1741836582068 Woman Standing Her Broken Car

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

เคลมประกันรถยนต์ได้กี่ครั้ง? เคลมบ่อย vs. ไม่เคลมเลย มีผลอย่างไร?

หลายคนซื้อ ประกันรถยนต์ เพื่อความอุ่นใจ แต่กลับไม่รู้ว่าการ "เคลมประกัน" ส่งผลต่อสิทธิประโยชน์และค่าใช้จ่ายในอนาคต เช่น เคลมได้กี่ครั้ง? เคลมบ่อยทำให้เบี้ยแพงขึ้นไหม? หรือ ถ้าไม่เคลมเลยจะได้อะไร?

มาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการเสียผลประโยชน์ไปโดยไม่รู้ตัว!

วิธีเคลมประกันมีกี่แบบ?

การเคลมประกันหลัก ๆ มี 2 แบบ คือ เคลมสด และ เคลมแห้ง แต่ละแบบมีเงื่อนไขต่างกัน ดังนี้

เคลมสด (แจ้งเคลม ณ ที่เกิดเหตุ)

เมื่อเกิดอุบัติเหตุ สามารถโทรแจ้งบริษัทประกันให้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบทันที โดยแบ่งเป็น 2 กรณี

  • เคลมแบบมีคู่กรณี
    • เช่น รถชนกับรถคันอื่น
    • ถ้าเป็นฝ่ายผิด อาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
    • ถ้าเป็นฝ่ายถูก ไม่ต้องจ่ายอะไร
  • เคลมแบบไม่มีคู่กรณี
    • เช่น รถชนฟุตบาท ต้นไม้ หรือถูกชนแล้วหนี
    • ผู้เอาประกันอาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ตามเงื่อนไข

เคลมแห้ง (แจ้งเคลมภายหลัง)

ใช้กับกรณีที่ความเสียหายเกิดขึ้นเล็กน้อย เช่น รถถูกขูดขีด หรือเฉี่ยวชนแบบไม่มีคู่กรณี โดยผู้เอาประกันต้องเก็บหลักฐาน เช่น ถ่ายรูปความเสียหาย วัน เวลา และสถานที่ แล้วแจ้งบริษัทประกันเพื่อนัดตรวจสอบ

*หมายเหตุ: เคลมแห้งอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนแรก 1,000 - 4,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกัน

เคลมประกันรถยนต์ได้กี่ครั้งต่อปี?

โดยทั่วไป ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้ง ของการเคลมในแต่ละปี ผู้เอาประกันสามารถเคลมได้ตามความจำเป็น แต่! ถ้าเคลมบ่อย อาจมีผลกระทบดังนี้

  • ค่าเบี้ยปีถัดไปแพงขึ้น
  • อาจเสียสิทธิ์ส่วนลดประวัติดี (No Claim Bonus - NCB)
  • บางกรมธรรม์อาจมีการจำกัดวงเงินคุ้มครองต่อปี
แจ้งเคลมบ่อย ส่งผลต่อเบี้ยประกันยังไง?

เบี้ยประกันปีต่อไป จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าแจ้งเคลมในกรณีไหน

  • กรณีแจ้งเคลมแล้วเป็นฝ่ายถูก → ไม่มีผลต่อเบี้ยประกัน
  • กรณีแจ้งเคลมแล้วเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีคู่กรณี → เบี้ยประกันปีต่อไปอาจเพิ่มขึ้น
Editors%2 Fimages%2 F1741836659961 Insurance Agent Working Site Car Accident Claim Process People Car Insurance Claim

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

ทำความเข้าใจ "ส่วนลดประวัติดี" (NCB)

ส่วนลดประวัติดี คือ ส่วนลดค่าเบี้ยประกัน สำหรับผู้ที่ไม่มีการแจ้งเคลมที่เป็นฝ่ายผิด โดยส่วนลดจะเพิ่มขึ้นทุกปีที่ไม่มีเคลม

ปีที่ไม่มีเคลม NCB (%)
1 ปี 20%
2 ปี 30%
3 ปี 40%
4 ปี 50% (สูงสุด)

ถ้าแจ้งเคลมแล้วเป็นฝ่ายผิด

ตัวอย่าง: หากปีนี้มี NCB 30% แล้วแจ้งเคลมเพราะเป็นฝ่ายผิด ปีหน้าจะลดเหลือ 20%

ถ้าแจ้งเคลมเป็นฝ่ายผิดมากกว่า 2 ครั้ง และมูลค่าความเสียหายรวมเกิน 200% ของเบี้ยประกัน → NCB อาจถูกตัดเป็น 0%

เคลมหรือไม่เคลม แบบไหนคุ้มกว่า?

แจ้งเคลมได้เลย ถ้าเป็นฝ่ายถูก

  • ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก
  • บริษัทประกันจะช่วยดำเนินการเคลียร์ค่าเสียหาย

พิจารณาก่อนแจ้งเคลม ถ้าเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณี

  • ถ้าค่าซ่อม ถูกกว่า ค่าเสียหายส่วนแรก + มูลค่าของ NCB ที่จะเสียไป → ไม่ควรแจ้งเคลม
  • ถ้าค่าซ่อม แพงกว่า → แจ้งเคลมดีกว่า

ตัวอย่างการตัดสินใจ

  • ถ้าค่าซ่อม 3,000 บาท แต่ค่าเสียหายส่วนแรก 5,000 บาท → ไม่คุ้มเคลม
  • ถ้าค่าซ่อม 10,000 บาท แต่ค่าเสียหายส่วนแรก 5,000 บาท และ NCB ปีหน้าเพิ่มอีก 10% → ต้องคำนวณว่าแบบไหนคุ้มกว่า

กรณีอุบัติเหตุรุนแรง มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

  • ต้องแจ้งประกันทันที และ โทรแจ้งตำรวจ
  • บริษัทประกันจะช่วยดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
สรุป
  • เคลมได้ไม่จำกัดครั้ง แต่เคลมบ่อยอาจมีผลต่อค่าเบี้ยประกัน
  • เคลมแล้วเป็นฝ่ายผิด → อาจเสีย NCB และทำให้เบี้ยแพงขึ้น
  • ถ้าไม่มีการเคลมเลย → ได้รับส่วนลดประวัติดี สูงสุด 50%
  • ถ้าเกิดอุบัติเหตุใหญ่ ควรแจ้งเคลมเสมอ

รู้แบบนี้แล้ว ควรใช้สิทธิ์เคลมอย่างฉลาด! เคลมเมื่อจำเป็น และพิจารณาค่าใช้จ่ายให้คุ้มค่า จะช่วยประหยัดเบี้ยประกันปีต่อไปได้มากขึ้น

หากคุณกำลังมองการประกันภัยรถ ให้ Motorist ช่วยหากรมธรรม์ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับรถของคุณ!

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: ขับรถชนเสาไฟฟ้าล้ม ประกันช่วยจ่ายไหม?


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น