(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ยางรถยนต์ที่ดีเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ยางอาจเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หากไม่ตรวจสอบและเปลี่ยนให้ทันเวลา
เราสามารถสังเกตอาการยางเสื่อมสภาพได้จากจุดต่าง ๆ ดังนี้
ดอกยางมีการสึกหรอ
ดอกยางช่วยยึดเกาะถนน หากดอกยางสึกจนตื้น อาจทำให้รถลื่นไถล โดยทั่วไป ควรเช็ก สะพานยาง (Tread Wear Indicator - TWI) ซึ่งเป็นตัวบอกระดับความลึกของดอกยาง หากดอกยางสึกจนถึงระดับที่ว่า ควรเปลี่ยนยางทันที
ยางแตกลายงา
เมื่อยางใช้งานมานาน ยางอาจเกิดรอยแตกลายงา โดยเฉพาะบริเวณแก้มยางและหน้ายาง ซึ่งเป็นผลจากแสงแดด ความร้อน และสารเคมี หากพบรอยแตกเยอะหรือรอยลึก ควรรีบเปลี่ยนยางก่อนที่ยางจะแตกหรือระเบิด
ยางบวมผิดปกติ
หากสังเกตเห็นว่ายางมีจุดบวม นั่นอาจเป็นเพราะโครงสร้างภายในของยางเสียหาย ซึ่งอาจเกิดจากการชนกับขอบถนนหรือตกหลุมบนถนน หากขับขี่ต่อไป ยางอาจเกิดการระเบิดได้
ยางแข็งและหมดอายุ
แม้ว่ายางจะยังมีสภาพที่ดูดี แต่หากผ่านการใช้งานมานาน ยางอาจแข็งตัวและสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเกาะถนน ปกติแล้ว ควรเปลี่ยนยางทุก 4-5 ปี หรือเช็กวันผลิตบนแก้มยาง (DOT Code) หากอายุเกิน 5 ปี ก็ควรที่จะเปลี่ยนแม้ดอกยางจะยังเหลืออยู่ก็ตาม
การสึกหรอไม่สม่ำเสมอ
หากยางสึกเป็นลายคลื่นหรือสึกเฉพาะด้าน อาจเกิดจากศูนย์ล้อไม่ตรง หรือแรงดันลมยางไม่เหมาะสม ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อและตรวจสอบลมยางเป็นประจำ
วิธีดูแลยางให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
- ตรวจลมยางเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าแรงดันเหมาะสม
- สลับยางทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้สึกหรอเท่ากัน
- เลี่ยงการขับขี่กระแทกแรง ๆ เพื่อลดความเสียหายของยาง
- จอดรถในที่ร่ม เพื่อลดการเสื่อมสภาพจากแสงแดด
หากพบว่ายางเริ่มเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ร่วมทาง อย่ารอให้ยางเสียหายจนเกิดอุบัติเหตุ!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: รู้หรือไม่? 4WD และ AWD แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…