(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้าง? รีบลงจากรถไปทำธุระแค่แป๊บเดียว พอกลับมาอีกที รถดันล็อกไปแล้ว! หรือบางคนอาจเผลอลืมกุญแจไว้ในรถโดยไม่รู้ตัว จนกว่าจะลองควานหากุญแจในกระเป๋าแล้วไม่เจอ
ไม่ต้องตกใจไป เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และข่าวดีคือ ยังมีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณกลับเข้าไปในรถได้โดยไม่ต้องตื่นตระหนก มาเช็กกันว่า หากเผชิญเหตุการณ์แบบนี้ เราควรทำอย่างไรบ้าง
ตั้งสติ และตรวจสอบให้แน่ใจ
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อพบว่ากุญแจไม่อยู่กับตัว คือ ตั้งสติให้ดี แล้วตรวจสอบก่อนว่ากุญแจอยู่ที่ไหนแน่ บางครั้งอาจจะตกอยู่ในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง หรือวางอยู่ในช่องเก็บของโดยที่เราไม่ทันสังเกต
ถ้าหากมั่นใจแล้วว่ากุญแจอยู่ในรถจริง ๆ ให้สังเกตว่ารถล็อกไปแล้วหรือยัง เพราะหากรถของคุณใช้ระบบล็อกแบบกดรีโมทหรือบิดกุญแจ รถจะไม่ล็อกเองโดยอัตโนมัติ (เว้นแต่ว่าจะเผลอกดล็อกจากด้านใน)
แต่ถ้ารถล็อกไปแล้ว และกุญแจยังคาอยู่ในรถจริง ๆ ก็ถึงเวลาหาวิธีแก้ไข!
ใช้กุญแจสำรอง (ถ้ามี)
กุญแจสำรองคือ ตัวช่วยที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ รถยนต์ส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับกุญแจสำรองอยู่แล้ว อย่างแรกลองนึกดูก่อนว่าคุณเก็บกุญแจสำรองไว้ที่ไหน?
- ถ้าอยู่ที่บ้านและมีคนสามารถหยิบมาให้ได้ ก็โทรบอกให้ช่วยนำมาให้
- ถ้าคุณทำกุญแจสำรองหายไปแล้ว ควรทำไว้เพิ่มสักดอกเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
การมีกุญแจสำรองจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเงินจ้างช่าง และไม่ต้องเสียเวลารอความช่วยเหลือจากภายนอก
เรียกช่างกุญแจ (แต่ต้องเช็กราคาก่อน!)
หากไม่มีทางเลือกอื่น การเรียก ช่างกุญแจ คือตัวช่วยที่เร็วและง่ายที่สุด
- หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา แล้วค้นหา “ช่างกุญแจใกล้ฉัน”
- โทรสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด โดยเฉพาะราคา เพื่อป้องกันการโดนโก่งราคา
- หากไม่มั่นใจ ลองอ่านรีวิว หรือโทรเช็กกับเพื่อนและครอบครัวว่ามีใครเคยใช้บริการช่างกุญแจเจ้าไหนแล้วไว้ใจได้
ระวัง! อย่าจ้างช่างที่ไม่แจ้งราคาล่วงหน้า เพราะอาจถูกคิดค่าบริการแพงเกินจริง
แจ้งตำรวจ หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในบางกรณี หากไม่สามารถหาช่างกุญแจได้ หรือกลัวโดนโก่งราคา ตำรวจและหน่วยงานช่วยเหลือฉุกเฉินก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง
- โทร 1197 (สายด่วน บก.02) เพื่อขอความช่วยเหลือ
- ติดต่อ สวพ.91 (1644) หรือ จส.100 (1137) ซึ่งมักจะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถช่วยปลดล็อกรถได้
หลายครั้งตำรวจจราจรมีอุปกรณ์สำหรับปลดล็อกรถยนต์ และอาจสามารถช่วยได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติม
(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ใช้เทคโนโลยีช่วยปลดล็อกรถ (ถ้ารถรองรับระบบนี้)
รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หลายคันมีระบบ Keyless Entry หรือระบบที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน ซึ่งอาจช่วยปลดล็อกรถได้
หากรถของคุณรองรับฟังก์ชันนี้ ลองทำตามขั้นตอนนี้:
- เปิดแอปพลิเคชันของแบรนด์รถที่เชื่อมต่อกับรถของคุณ
- ตรวจสอบว่ามีตัวเลือก "ปลดล็อกรถ" หรือไม่
- หากสามารถปลดล็อกผ่านแอปได้ ก็จัดการเปิดประตูรถได้ทันที!
แต่ถ้ารถของคุณไม่มีฟังก์ชันนี้ ให้ลองโทรหา Call Center ของแบรนด์รถยนต์ ที่คุณใช้ และแจ้งว่ารถล็อกเองโดยไม่ได้ตั้งใจ บางค่ายอาจมีระบบช่วยปลดล็อกรถจากระยะไกลได้
ทุบกระจก – ทางเลือกสุดท้าย
หากเป็นกรณีฉุกเฉิน เช่น มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงติดอยู่ในรถ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย การทุบกระจกอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็นที่สุด
แต่ต้องเลือกทุบบริเวณที่เสียหายน้อยที่สุด โดยแนะนำให้เลือกกระจกหูช้างบานหลัง เพราะสามารถเอื้อมมือไปปลดล็อกได้ง่าย และค่าเปลี่ยนกระจกจะถูกกว่าบานอื่น
หากจำเป็นต้องทุบ ให้ใช้ของแข็ง เช่น หัวเข็มขัดนิรภัย ปลายท่อเหล็ก หรือฆ้อนนิรภัยสำหรับรถยนต์ ซึ่งจะช่วยให้กระจกแตกได้เร็วขึ้น
ป้องกันไว้ก่อน ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง!
เพื่อลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ลืมกุญแจรถ ลองทำตามวิธีเหล่านี้:
- พกกุญแจสำรองติดตัวเสมอ หรือเก็บไว้ในที่ที่สามารถหยิบได้ง่าย
- อย่าปล่อยให้รถล็อกอัตโนมัติ โดยเฉพาะเวลาเปิดท้ายรถหรือเปิดประตูชั่วคราว
- ใช้พวงกุญแจที่มีสีสันหรือเสียงเตือน จะช่วยให้สังเกตกุญแจได้ง่ายขึ้น
- ตั้งนิสัยเช็กกุญแจทุกครั้งก่อนลงจากรถ เพื่อป้องกันการลืม
- เชื่อมต่อรถกับแอปพลิเคชัน หากรถรองรับระบบนี้ จะช่วยให้คุณปลดล็อกรถได้ง่ายขึ้นหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
หากลืมกุญแจไว้ในรถ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตั้งสติและประเมินสถานการณ์ ก่อนเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้กุญแจสำรอง เรียกช่าง หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสุดท้าย อย่าลืม! ก่อนลงจากรถทุกครั้ง ให้เช็กว่ากุญแจอยู่กับตัวแล้วเสมอ เรื่องแบบนี้แม้จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ถ้าเราเตรียมตัวให้ดี ก็จะช่วยลดปัญหาได้แน่นอน!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: 5 เรื่องที่คนขับมักลืม อย่ามองข้าม เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่!
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…